ความพึงพอใจต่องบล็อกนี้

music

ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตุ๊กตาบลายธ์


ประวัติตุ๊กตาบลายธ์ประวัติตุ๊กตาบลายธ์ Blythe Doll คือ ตุ๊กตาวินเทจ (ตุ๊กตาเก่าแก่โบราณ ) ชนิดหนึ่งเลยทีเดียวในบรรดา ตุ๊กตาสะสมที่มีอยู่มากมาย หากจะย้อน ประวัติตุ๊กตาบลายธ์ นั้นต้องย้อนกลับไปที่อเมริกา หลักฐาน ประวัติของตุ๊กตาบลายธ์ อยู่ที่นั่นครับ บลายธ์ถูกออกแบบขึ้นที่โรงงานทำของเล่นของ เค็นเนอร์ Kenner โรงงานผลิตของเล่นในอเมริก
(ปัจจุบัน คือ Hasbro ) ทำการออกแบบและผลิตในปี พ.ศ.2515 (1972) เอกลักษณ์พิเศษของตุ๊กตาบลายธ์ คือ ตุ๊กตาหัวใหญ่ ตัวเล็ก ตาโต ขนตาเด้ง ที่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้า คอนแทคเลนส์ ใส่วิกผม ทำผม แต่งหน้า ที่สำคัญสามารถโมดิฟายด์ ตกแต่งใบหน้า เปลี่ยนชุดให้เหมือนเจ้าของตุ๊กตาบลายธ์ตัวนั้นได้ ตุ๊กตาบลายธ์ มีอายุกว่า 40 ปี (นับตั้งแต่เริ่มออกแบบ เรียกน้องบลายธ์ได้ไง อย่างงี้ต้องเรียกป้าบลายธ์ ) Kenner พยายามที่จะทำการสร้างตุ๊กตาบลายธ์ให้ต่างจากตุ๊กตาทั่วไปด้วย โดยได้กำหนดให้โมเดลตุ๊กตามี 4 แบบ ตั้งชื่อทั้ง 4 รุ่น ไว้ว่า Blythe, Karess, Willow และ Skye รวมทั้งยังสร้างแฟชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด ให้กับน้องบลายธ์ทั้ง 4 รุ่น กิ๊บเก๋มากๆ เพราะสามารถเปลี่ยนทั้งทรงและสีผมได้ถึง 4 แบบ ดวงตากลมโตใหญ่กะพริบทีไร ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเป็น เขียว ชมพู ส้ม น้ำเงินสลับกันไปทุกครั้ง ส่วนเสื้อผ้า ก็มีให้เปลี่ยนกันถึง 12 ชุด ให้กับตุ๊กตาบลายธ์

ตุ๊กตาบลายธ์นั้นโดดเด่นด้วยดวงตากลมโตที่เปลี่ยนสีได้ 4 สี เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แถมมีข้อต่อทั้งตัว ให้สามารถจัดแขนขาโพสท่าในแบบต่างๆ ได้มากมาย แต่ดูจะเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ในยุคนั้นเก๋ไก๋ล้ำยุคไป เพราะตุ๊กตาบลายธ์กลับเป็นตุ๊กตาที่เด็กๆ หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตุ๊กตา บลายธ์ไม่เป็นที่นิยม จนต้องปิดตัวลงหลังวางขายได้เพียง 1 ปี วางขายแค่ปีเดียวก็ เจ๊ง ประวัติตุ๊กตาบลายธ์ นี่ช่างโลดโผนจริงๆ ว่ามั้ยตุ๊กตาบลายธ์ฟื้นคืนชีพ อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2545 นี่เองที่เจ้าตุ๊กตาบลายธ์กลับมาฮิตกันอีกครั้ง จากการที่ Gina Garan (ต้องขอบคุณเธอจริงๆ) ได้ตุ๊กตาบลายธ์มาจากเพื่อน เธอก็เกิดตกหลุมรักตุ๊กตาบลายธ์ทันที Gina เริ่มพาตาบลายธ์ของเธอเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังหัดถายภาพ จึงได้เอาตุ๊กตาบลายธ์ตัวนั้นแหละ เป็นนางแบบ ภาพชุดตุ๊กตาบลายธ์ที่ถ่ายครั้งนั้นของ Gina ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ This is Blythe รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book หนังสือภาพตุ๊กตาบลายธ์ ทั้งสองเล่มขายได้รวมกัน 100,000 เล่มในปี 2001


ตุ๊กตาบลายธ์ เปลี่ยนสัญชาติเป็นสัญชาติญี่ปุ่น หลังจากกระแส บลายธ์เริ่มกลับมา บริษัทผู้ผลิตของเล่นในญี่ปุ่นชื่อ Takara จึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ รีบติดต่อขอทำสัญญา ตุ๊กตาบลายธ์จากกลุ่ม Hasbro ทันที ทายาทเจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตาบลายธ์ก็ได้ตกลงยกสิทธิ์การผลิตให้บริษัท Takara แห่งประเทศญี่ปุ่น (ตอนนี้คงกำลังเสียดายที่ยกให้เค้าไป ไม่น่าเลย ) อย่างที่รู้กันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแห่งความล้ำสมัย แฟชั่น และแอ๊บแบ๊ว ขิขุอาโนเนะ ประเทศญี่ปุ่นนำตุ๊กตาบลายธ์ไปผลิตออกขาย หลังจากพัฒนาแบบ ให้ตุ๊กตาบลายธ์ทันสมัยและหลากหลายยิ่งขึ้น เพิ่มทรงผม ชุดเสื้อผ้า เครื่อประดับ ตุ๊กตาบลายธ์ ก็เปล่งประกายความเป็นเจ้าหญิงอีกครัง บรรดาเกิร์ลๆ ในญี่ปุ่นต่างก็เป็นโรคติดต่อตุ๊กตาบลายธ์ฟีเวอร์กัน มาจนบัดเดี๋ยวนี้ คงพอได้ความรู้เรื่อง ประวัติตุ๊กตาบลายธ์ กันแล้วนะครับ ตุ๊กตาบลายธ์ฟีเวอร์ ได้แพร่กระจายความฮิตไปทั่วโลกอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน น้องตุ๊กตา Blythe เริ่มเป็นที่รู้จัก กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โฆษณาทีวีให้ ห้าง Parco กลายเป็นกระแส Blythe ฟีเวอร์คนในแวดวงแฟชั่นให้การสนใจตุ๊กตาบลายธ์เป็อย่างมาก มีการระดมสุดยอดดีไซเนอร์มาออกแบบเสื้อผ้า ทรงผม ท่าทาง ให้เหล่านางแบบ ตุ๊กตา Blythe สวมเดินบนแคตวอล์กลางกรุงโตเกียว ว้าว ๆๆๆ ตุ๊กตาบลายธ์ ถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ในปี 2001 เมื่อ Takara Group ได้รับหน้าที่แปลงโฉมให้แก่ ตุ๊กตา Blythe ให้โดดเด่นด้วยขนาด 11 นิ้ว นั่นจึงได้เป็นจุดกำเนิดของ Neo Blythe และนับแต่นั้นมาก็ได้ออกคอลเลกชั่นรุ่นต่างๆ ของ Neo Blythes ขึ้นมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่ Petite Blythe ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4 1/2 นิ้ว ปิดท้ายด้วย Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลองและย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้ว

คงได้ความรู้เกี่ยวกับ ประวัติของตุ๊กตาบลายธ์ กันไปอย่างครบถ้วนนะทีนี้ คนรักบลายธ์ ต้องรู้สิ ไม่งั้นจะบอกคนอื่นว่าเรามันคนรักน้องบลายธ์ตัวจริงได้ไงถ้าประวัติตุ๊กตาบลายธ์ก็ไม้รู้ ที่นี้จะได้คุยให้เพื่อนฟังได้ไง ว่าเราหนะแฟนพันแท้ ตุ๊กตาบลายธ์ จริงมั้ยครับทุกคน

น้อง บายท์ แสนสวย

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้ำท่วม


การป้องกันปัญหาน้ำท่วม
คือสภาพที่มีน้ำนองขึ้นมาบนผิวดินเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความยากลำบากในการสัญจร การอยู่อาศัย หรือ ทำให้พื้นที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติเมื่อเกิดน้ำท่วมขังขื้นในพื้นที่ก็แสดงว่าน้ำฝนไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้ทันท่วงที เราสามารถป้องกันการเกิดปัญหานี้ได้โดยการออกแบบสภาพทางกายภาพให้เอื้ออำนวยต่อการระบายน้ำดีออกจากพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางภูมิสถาปัตยกรรมจะประเด็นหลักอยู่ 2 ประการคือ การวางระบบระบายน้ำผิวดิน และการขุดบ่อพักน้ำ

อุทกภัย น้ำท่วม

เกิดจากฝนตกหนังต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุ
หมุนเขตร้อนลมมรสุมมีกำลังแรง ร่องความกดอากาศ
ต่ำมีกำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำทะเลหนุน แผ่นดินไหว
เขื่อนพัง ทำให้เกิดอุทกภัยได้เสมอ

อุทกภัยแยกออกเป็น

น้ำป่าหลาก เกิดจากฝนตกหนักบนภูเขา ต้นน้ำลำธารและไหลบ่าลงที่ราบอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีต้นไม้ ช่วยดูดซับ ชะลอกระแสน้ำ ความเร็วของน้ำ ของท่อนซุง และต้นไม้ ซี่งพัดมาตามกระแสน้ำจะทำลายต้นไม้ อาคาร ถนน สะพาน และชีวิตมนุษย์และสัตว์ได้
น้ำท่วมขัง น้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำล้นตลิง มีระดับสูงจากปกติท่วมแช่ขัง ทำให้การคมนาคมหยุดชะงัก เกิดโรคระบาดได้ ทำลายพืชผลเกษตรกร
คลื่นซัดฝั่ง เกิดจากพายุลมแรงซัดฝั่ง ทำให้น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล บางครั้งมีคลื่นสูงถึง 10 เมตร ซัดเข้าฝั่งทำลายทรัพย์สินและชีวิตได้

การป้องกันและลดความเสียหายจากอุทกภัย

ติดตามฟังข่าวอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้อพยพ ควรรีบอพยพไปอยู่ในที่สูง อาคารที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
ถ้าอยู่ที่ราบให้ระมัดระวังน้ำป่าหลากจากภูเขาที่ราบสูงลงมา กระแสน้ำจะรวดเร็วมาก ควรสังเกตเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกันบนภูเขาหลายๆ วัน ให้เตรียมตัวอพยพขนของไว้ที่สูง
ถ้าอยู่ริมน้ำให้เอาเรือหลบเข้าฝั่งไว้ในที่จะใช้งานได้ เมื่อเกิดน้ำท่วม เพื่อการคมนาคม
ควรมีการวางแผนอพยพว่าจะไปอยู่ที่ใด พบกันที่ไหน อย่างไร
เมื่อมีกระแสน้ำหลาก จะทำลายวัสดุก่อสร้าง เส้นทางคมนาคม ต้นไม้ พืชไร่ได้ ให้ระวังกระแสน้ำพัดพาไป
อย่าขับรถยนต์ฝ่าลงไปในกระแสน้ำหลาก แม้บนถนนก็ตาม
อย่าลงเล่นน้ำ อาจพบอุบัติภัยอื่นๆ อีกได้
หลังจากน้ำท่วมจะมีขัง จะเกิดโรคระบาดในระบบทางเดินอาหารทั้งคนและสัตว์ ให้ระวังน้ำบริโภค ควรสะอาด ต้มสุกเสียก่อน

น้ำท่วม


การป้องกันปัญหาน้ำท่วม
คือสภาพที่มีน้ำนองขึ้นมาบนผิวดินเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความยากลำบากในการสัญจร การอยู่อาศัย หรือ ทำให้พื้นที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติเมื่อเกิดน้ำท่วมขังขื้นในพื้นที่ก็แสดงว่าน้ำฝนไม่สามารถระบายออกจากพื้นที่ได้ทันท่วงที เราสามารถป้องกันการเกิดปัญหานี้ได้โดยการออกแบบสภาพทางกายภาพให้เอื้ออำนวยต่อการระบายน้ำดีออกจากพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางภูมิสถาปัตยกรรมจะประเด็นหลักอยู่ 2 ประการคือ การวางระบบระบายน้ำผิวดิน และการขุดบ่อพักน้ำ

อุทกภัย น้ำท่วม

เกิดจากฝนตกหนังต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุ
หมุนเขตร้อนลมมรสุมมีกำลังแรง ร่องความกดอากาศ
ต่ำมีกำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำทะเลหนุน แผ่นดินไหว
เขื่อนพัง ทำให้เกิดอุทกภัยได้เสมอ

อุทกภัยแยกออกเป็น

น้ำป่าหลาก เกิดจากฝนตกหนักบนภูเขา ต้นน้ำลำธารและไหลบ่าลงที่ราบอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีต้นไม้ ช่วยดูดซับ ชะลอกระแสน้ำ ความเร็วของน้ำ ของท่อนซุง และต้นไม้ ซี่งพัดมาตามกระแสน้ำจะทำลายต้นไม้ อาคาร ถนน สะพาน และชีวิตมนุษย์และสัตว์ได้
น้ำท่วมขัง น้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำล้นตลิง มีระดับสูงจากปกติท่วมแช่ขัง ทำให้การคมนาคมหยุดชะงัก เกิดโรคระบาดได้ ทำลายพืชผลเกษตรกร
คลื่นซัดฝั่ง เกิดจากพายุลมแรงซัดฝั่ง ทำให้น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล บางครั้งมีคลื่นสูงถึง 10 เมตร ซัดเข้าฝั่งทำลายทรัพย์สินและชีวิตได้

การป้องกันและลดความเสียหายจากอุทกภัย

ติดตามฟังข่าวอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้อพยพ ควรรีบอพยพไปอยู่ในที่สูง อาคารที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง
ถ้าอยู่ที่ราบให้ระมัดระวังน้ำป่าหลากจากภูเขาที่ราบสูงลงมา กระแสน้ำจะรวดเร็วมาก ควรสังเกตเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกันบนภูเขาหลายๆ วัน ให้เตรียมตัวอพยพขนของไว้ที่สูง
ถ้าอยู่ริมน้ำให้เอาเรือหลบเข้าฝั่งไว้ในที่จะใช้งานได้ เมื่อเกิดน้ำท่วม เพื่อการคมนาคม
ควรมีการวางแผนอพยพว่าจะไปอยู่ที่ใด พบกันที่ไหน อย่างไร
เมื่อมีกระแสน้ำหลาก จะทำลายวัสดุก่อสร้าง เส้นทางคมนาคม ต้นไม้ พืชไร่ได้ ให้ระวังกระแสน้ำพัดพาไป
อย่าขับรถยนต์ฝ่าลงไปในกระแสน้ำหลาก แม้บนถนนก็ตาม
อย่าลงเล่นน้ำ อาจพบอุบัติภัยอื่นๆ อีกได้
หลังจากน้ำท่วมจะมีขัง จะเกิดโรคระบาดในระบบทางเดินอาหารทั้งคนและสัตว์ ให้ระวังน้ำบริโภค ควรสะอาด ต้มสุกเสียก่อน

แผ่นดินไหว


เหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน พ.ศ. 2551 (จีน: 四川大地震; พินอิน: Sìchuān dà dìzhèn; อังกฤษ: Sichuan Earthquake) เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.28 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 6.28 น. ตามเวลาสากลเชิงพิกัด ในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 มีศูนย์กลางอยู่ที่เขตเหวินฉวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเฉิงตู 90 กิโลเมตร ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน วัดความรุนแรงเบื้องต้นได้ 7.8 ริกเตอร์ ต่อมา USGS ได้ปรับค่าความรุนแรงเป็น 7.9 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีระยะห่าง 90 กิโลเมตร จาก นครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน และมีความลึก 19 กิโลเมตร [1] แผ่นดินไหวสามารถรู้สึกได้จากระยะทางไกล เช่น ที่กรุงปักกิ่ง (ห่างออกไป 1,500 กม.) และ เซี่ยงไฮ้ (ห่างออกไป 1,700 กม.) ที่ที่อาคารสำนักงานได้รับแรงสั่นสะเทือน[2] แผ่นดินไหวก็ยังสามารถรู้สึกได้ในประเทศเพื่อนบ้านของจีน อาทิเช่น ประเทศไทย ประเทศบังกลาเทศ ประเทศอินเดีย ประเทศปากีสถาน เป็นต้น

ตัวเลขอย่างเป็นทางการ (วันที่ 29 พฤษภาคม) ได้ประกาศออกมาแล้วว่า มีผู้เสียชีวิต 68,516 คน บาดเจ็บ 365,399 คน และสูญหาย 19,350 คน [3][4]

ชุมนุม


นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าหาก นปช. ตกลงจะเข้าร่วมมาตรการปรองดอง ก็น่าจะหาข้อยุติโดยเร็ว และ จะนำไปสู่การยุติการชุมนุมถ้าตกลงกันได้ ว่า ทันทีที่ประกาศเราก็อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด จริงๆเราใช้เวลาเท่ากับที่นายอภิสิทธิ์ใช้เวลาชี้แจงกับคนพวกเดียวกัน คนคิดว่าวันที่ออกทีวีเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งอย่างชัดเจน แต่จริงๆไม่ใช่เพราะขณะนั้น ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล แต่พอรัฐบาลทำเสร็จก็จะมาเร่งรัดเอากับเราทุกวัน เรื่องนี้เราแสดงออกอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เรื่องบ้านเรื่องเมืองต้องคุยกันละเอียด

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คำว่าปรองดองไม่หมายความแค่คนเสื้อแดงยุติการชุมนุมหรือรัฐบาลยุบสภาเท่านั้น แต่เราจะนำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และนำไปสู่การเลือกตั้งอย่างไร งานของเสื้อแดงไม่หยุดแค่ยุติการชุมนุม และรัฐบาลไม่ใช่แค่ยุบสภา แต่ต้องคิดว่าหลังจากี้จะพาประเทศเดินไปอย่างปลอดภัยถึงวันเลือกตั้งอย่างไร นายอภิสิทธิ์ไม่ทราบจริงๆหรือว่ามีคนที่ไม่ต้องการให้เลือกตั้ง และไม่ต้องการเดินไปถึงตรงนั้น มาตรการปรองดองง่ายสุดคือรัฐบาลยุบสภา คนเสื้อแดง เลิกชุมนุม แต่หลังจากนี้จะยากขึ้นทุกวัน และต้องแน่ใจว่าจนไปถึงวันเลือกตั้งเราจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง จนนำไปสู่การทำลายประชาธิปไตยอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์คิดเรื่องพวกนี้หรือยัง เราเข้าใจว่าสังคมรอคอย และตนก็แถลงว่าวันสองวันเราจะเสนอแนวทางที่ยืดหยุ่นได้ จึงอยากให้ประชานได้เข้าใจรูปธรรมของสถานการณ์

“นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา นปช. ยุติชุมนุม ไม่ได้หมายความว่าบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยทันที หรือเกิดความยุติธรรมขึ้นมา แต่หมายถึงว่ามาตรการต่อไปต้องช่วยกันทำอะไร จะมาเร่งรัดเราเหมือนกับลูกน้องในรัฐบาลไม่ได้ เพราะคนเสื้อแดงไม่ใช่ลูกน้องนายอภิสิทธิ์”นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า วันนี้ต้องช่วยกันรักษาบรรยากาศ ตนไม่ประสงค์เห็นการให้สัมภาษณ์เชิงรุกรานดินแดน หรือค้ากำไรเกินควรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์เองว่า คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปรองดองคือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นี่คือการเล่นเกมส์การเมืองมาบีบกัน หากเดินต่อไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ ก็จะชี้ว่าทีแรก นปช.เปิดรับแต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เอาเลยเดินต่อไม่ได้ แต่หากเดินได้ก็จะบอกว่ารัฐบาลเสนอมาตรการที่สวยงามจึงทำได้ สรุปว่ากินทั้งหน้าทั้งหลัง นายอภิสิทธิ์ไม่ควรทำแบบนี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า พล.ต.ขัตติยะ เป็นอิสระชน เคลื่อนไหวเอง ถูกผิดอย่างไรเป็นเรื่องที่ท่านต้องรับผิดชอบ เราคือ นปช. พล.ต.ขัตติยะคือ พล.ต.ขัตติยะ เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณคือคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเห็นด้วยหรือขัดขวางการปรองดอง

“ไม่ควรมีใครเร่งรัดหรือหาเศษหาเลยกับเรื่องนี้อีก นี่คือการชุมนุม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน คนอื่นเห็นอย่างไรไม่เกี่ยว แต่ถ้าจะพูดกันอย่างนี้ตนก็ขอตั้งคำถามว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการปรองดองคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หากไม่สำเร็จก็เพราะรัฐบาลฟังคำสั่งนายสนธิ หรือคนก่อเหตุคือ พล.ต.จำลอง จะมีประโยชน์อะไรที่มาพูดแบบนี้ การตั้งข้อสังเกตกล่าวหากินแดนจะยากอะไรตนก็ทำได้ แล้วจะเอายังไง”นายณัฐวุฒิกล่าว

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ผลไม้ไทยต้านมะเร็ง















10 ผลไม้ไทยมีสารต้านมะเร็ง




กรมอนามัย วิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้ ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ


1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก














2. มะเขือเทศราชินี

















3. มะละกอสุก












4. กล้วยไข่














5. มะม่วงยายกล่ำ












6. มะปรางหวาน

















7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง














8. มะยงชิด















9. มะม่วงเขียวเสวยสุก












10. สับปะรดภูเก็ต











ผลไม้ทั้งหมดนี้มีสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม


• ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย คือ แก้วมังกร มะขามเทศ มังคุด ลิ้นจี่ และสาลี่
• ส่วน 10 อันดับแรกของผลไม้ ที่มีวิตามินซีสูง คือ ฝรั่งกลมสาลี่ ฝรั่งไร้เม็ด มะขามป้อม มะขามเทศ เงาะโรงเรียน ลูกพลับ สตรอเบอร์รี่ มะละกอสุก ส้มโอขาว แตงกวา และพุทราแอปเปิล
• การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรก คือ ขนุนหนัง มะขามเทศ มะม่วงเขียวเสวยดิบ มะเขือเทศราชินี มะม่วงเขียวเสวยสุก มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะม่วงยายกล่ำ แก้วมังกรเนื้อสีชมพู สตอเบอร์รี่ และกล้วยไข่
ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของอาหารสารที่ช่วยกำจัด อนุมูลอิสระ ที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด